วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ชมภาพ) เปิด "ขุมทรัพย์" อีกชุดคดีพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ - พร้อมออกหมายจับอีก 5 คน

 วันนี้( 26 พ.ย.57) เวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีการจับกุมตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกับพวก ร่วมกันกระทำความผิดเรียกรับผลประโยชน์ทั้งบ่อนการพนันและส่วยน้ำมันเถื่อน ว่าจากการสืบสวนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้อีก 5 ราย ประกอบด้วย นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา / นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา/นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา/นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจ ให้กระทำการใดไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการให้ ให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่นและร่วมกันลักทรัพย์ โดยอยู่ในเขตรับผิดชอบของ สน.พระโขนง ขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดถูกจับกุมแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะทำการสืบสวนต่อไป หากสืบสวนพบว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะออกหมายจับ ซึ่งยังไม่สามารถบอกจำนวนที่แน่ชัดว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกกี่ราย

 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นั้น ราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายณัฐพลมียศ "ว่าที่พันตรี" และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย 

 ส่วนกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย  แถลงต่อสื่อมวลชนวันนี้ว่า มีนายตำรวจระดับ ผู้บัญชาการ (ผบช.)ชื่อย่อ อักษร ก.และ จ. เกี่ยวข้องนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นว่า นายชูวิทย์ ควรระบุชื่อให้ชัดว่าเป็นบุคคลใด จะได้ง่ายต่อการสืบสวนจับกุม อีกทั้งตนเพิ่งมารับตำแหน่ง ผบ.ตร.ข้อมูลที่นายชูวิทย์ เคยมอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนหน้านี้จึงยังไม่ทราบข้อมูล เพราะไม่ได้ดูงานด้านการป้องกันปราบปราม แต่ยืนยันว่าจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน 

 เวลา 16.00 น. ที่ร.1 พัน 2 รอ. ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผบ.ตร และพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. ร่วมกับน.ส.พัชรินทร์ ศุภประมูล หัวหน้ากลุ่มทะเบียนคลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร แถลงเปิดทรัพย์สินของกลางที่เจ้าหน้าที่ยึดได้จากการจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. พร้อมพวก ผู้ต้องหาความผิดตามมาตรา 112 ใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ และความผิดพ.ร.บ.ฟอกเงิน

 พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ของกลางที่ได้มานี้เป็นการร่วมกันจับกุมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร โดยทรัพย์สินที่เปิดให้สื่อมวลชนบันทึกภาพนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่ยึดมาได้ อาทิ พระพุทธรูปโบราณ, ทองคำแท่ง 24 แท่ง, กรอบพระเลี่ยมทอง 225 กรอบ, สร้อยคอทองคำ 224 เส้น, ทองคำขาว 180 ก.ก. โฉนดที่ดินมูลค่า 418 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งของกลางประเภทวัตถุโบราณมอบให้กรมศิลปกรดำเนินการตรวจสอบ สำหรับทรัพย์สินอื่นๆ จะส่งให้ปปง.ตรวจสอบ และเพื่อให้สำนวนคดีมีหลักฐานแน่นหนาและรัดกุมขึ้น จึงมอบหมายพล.ต.อ.จรัมพรร่วมตรวจสอบโดยการเก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือบนของกลางว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ใดบ้าง

 พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ส่วนคำการให้การของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นเรื่องในสำนวน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ยังมีของกลางที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายมาได้ อาทิ ไม้สัก ไม้ยาง ไม้มะค่า และไม้หายากที่ต้องใช้รถบรรทุกขนย้ายกว่า 80 คัน โดยจะให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ตรวจสอบ ตนเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินของผู้ต้องหาซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งจะเร่งติดตามมาให้ครบ ทั้งนี้การเก็บรักษาของกลางทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ทหาร มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและปลอดภัย

 พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า วันนี้ได้ขออำนาจศาลอาญาเข้าจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันกระทำความผิดเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งบ่อนการพนันและส่วยน้ำมันเถื่อน เพิ่มอีก 5 คน ประกอบด้วย นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา, นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา, นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา, นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คนเป็นเครือญาติของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งเกี่ยวโยงกับบ่อนการพนันและแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ ขณะนี้ทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่สน.พระโขนง

 ด้านน.ส.พัชรินทร์เปิดเผยว่า ต้องแบ่งประเภทวัตถุโบราณอีกครั้งว่า เป็นประเภทใดบ้าง หากเป็นวัตถุโบราณสมัยเก่าที่แท้จริง จะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนและไม่ซ้ำกัน เนื่องจากทำขึ้นมาเพื่อบูชา เป็นความเชื่อ ไม่ใช่การค้า ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีวัตถุโบราณหายากจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปไม้สมัยอยุธยา ซึ่งมีครบทั้งองค์พระและฐาน ถือเป็นของหายากมาก เพราะแม้แต่กรมศิลปากรก็ยังไม่สามารถหาได้ครบเช่นนี้ นอกจากนี้ยังมีพระเครื่องใหญ่ ซึ่งสวยและหายากมาก อย่างไรก็ตามบุคคลทั่วไปสามารถมีไว้ในครอบครองได้ หากสามารถตรวจสอบถึงที่มาที่ไปได้ เช่นเป็นสมบัติหรือมรดกตกทอดในวงศ์ตระกูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น