วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

KBANK จับมือลอมบาร์ดเสริมแกร่ง “ไพรเวต แบงก์”


KBANK จับมือลอมบาร์ดเสริมแกร่ง “ไพรเวต แบงก์”
        กสิกรไทย จับมือแบงก์ลอมบาร์ด โอเดียร์ เสริมแกร่งธุรกิจไพรเวต แบงก์ ระบุเป็นการขยายบริการได้ครบวงจร
       
       นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)กล่าวว่า ธนาคาร ร่วมกับธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier Bank) ผู้ให้บริการไพรเวต แบงก์ชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารกสิกรไทยสู่ระดับสากลอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ ยังมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในเรื่องการให้คำแนะนำลูกค้าเรื่องการส่งต่อธุรกิจ (Family Business) และการบริหารจัดการเงินในรูปแบบครอบครัว (Family Office) ซึ่งเป็นแนวทางที่ธนาคารกสิกรไทยก็ให้ความสำคัญอยู่ในปัจจุบัน
       
       ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้ากลุ่มบุคคลสินทรัพย์สูง 8,700 ราย คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 40% ของกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงทั้งหมดของประเทศไทย โดยมีทรัพย์ถือครองอยู่รวมเกือบ 7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20% ซึ่งกว่า 70% ของลูกค้าในกลุ่มนี้มีความสนใจจะลงทุนในผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น จากความร่วมมือดังกล่าว ลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารกสิกรไทยจะได้รับบริการทางการเงิน และการลงทุนที่ครบวงจรยิ่งขึ้น มีทางเลือกในการกระจายการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่กว้างไกลกว่าเดิม จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงบนความเสี่ยงที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ
       
       “ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง 12.7% ต่อปี ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตในกลุ่มเดียวกันของเอเชีย แปซิฟิก ที่มีทั้งหมด 9.5% และยังพบว่า สินทรัพย์ที่ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวถือครองในไทยอยู่ในระดับเฉลี่ย 14.4% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตในภูมิภาคที่มี 10.4%
       
       ชี้ปีหน้าใช้จ่ายยังซบ
       
       ด้านนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 58 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนจากภาครัฐ ในขณะที่การส่งออกยังชะลอตัว ส่วนปีนี้คาดว่าจีดีพีไทยจะขยายตัวได้ 1.6% จากการบริโภคยังฟื้นตัวช้า ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การใช้จ่ายยังชะลอ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 15,000-20,000 บาท ซึ่งในกลุ่มนี้พบว่า มีการชะลอการใช้จ่ายลง 7-8% เพราะยังมีภาระค่อนข้างสูง ในขณะที่ลูกค้าระดับบนยืนยันว่าการจับจ่ายใช้สอยยังอยู่ในระดับปกติ โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ที่คาดว่าบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยอาจคึกคักขึ้นบ้าง”
       
       “ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวลงนั้นจะส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตัดสินใจลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่นั้นมองว่า กนง.คงจะพิจารณาถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และหนี้ครัวเรือนเป็นหลัก เนื่องจากการลดดอกเบี้ยแม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจส่งผลให้ประชาชนมีการใช้จ่ายเกินตัวด้วย” ที่มา http://www.manager.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น