Sanook.com
หน่วยกู้ภัยทั้งของอินโดนีเซียและนานาประเทศยังคงเร่งเดินหน้าค้นหาศพผู้โดยสารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินแอร์เอเชียตก ก่อนที่สภาพอากาศจะยิ่งเลวร้ายหนัก โดยล่าสุดพบแล้ว 22 ศพ
ขณะที่การกู้ภัยเริ่มมีความหวังในการค้นหามากขึ้น เพราะจำกัดพื้นที่ค้นหาให้แคบเข้ามุ่งเฉพาะบริเวณใจกลางจุดเครื่องบินตก แต่นักประดาน้ำยังไม่สามารถลงไปปฏิบัติงานใต้ทะเลได้ เพราะติดปัญหาคลื่นลมแรง ขณะที่เงาดำที่พบอาจไม่ใช่เครื่องบิน แต่เป็นซากเรือรบ
หน่วยกู้ภัยของอินโดนีเซีย กำหนดขอบเขตพื้นที่การค้นหาให้แคบเข้า โดยเรือทั้ง 29 ลำ และเครื่องบินอีก 17 ลำ ในทีมกู้ภัย มุ่งค้นหาพื้นที่จำเพาะ 1,575 ตารางไมล์ทะเล จากเดิมที่เหวี่ยงแหหาเป็นวงกว้างถึง 13,500 ตารางไมล์ทะเล
ภารกิจหลักสำคัญก็คือ การค้นหาจุดที่ชิ้นส่วนลำตัวเครื่องบินชิ้นใหญ่ที่สุดจมอยู่ก้นทะเล และการหาตำแหน่งของกล่องดำ หรือกล่องบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งเวลานี้นักประดาน้ำบนเรือบันดาอาเจะห์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศสและสิงคโปร์ที่มีอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณกล่องดำด้วยคลื่นเสียงโซนาร์ เตรียมพร้อมที่จะลงไปสำรวจใต้น้ำแล้ว เพียงแต่ติดปัญหาคลื่นลมแรงเท่านั้น จนถึงขณะนี้ทีมกู้ภัยพบชิ้นส่วนเครื่องบินแล้วบางส่วน น่าจะเป็นส่วนปีกเครื่องบิน
ภารกิจหลักสำคัญก็คือ การค้นหาจุดที่ชิ้นส่วนลำตัวเครื่องบินชิ้นใหญ่ที่สุดจมอยู่ก้นทะเล และการหาตำแหน่งของกล่องดำ หรือกล่องบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งเวลานี้นักประดาน้ำบนเรือบันดาอาเจะห์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศสและสิงคโปร์ที่มีอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณกล่องดำด้วยคลื่นเสียงโซนาร์ เตรียมพร้อมที่จะลงไปสำรวจใต้น้ำแล้ว เพียงแต่ติดปัญหาคลื่นลมแรงเท่านั้น จนถึงขณะนี้ทีมกู้ภัยพบชิ้นส่วนเครื่องบินแล้วบางส่วน น่าจะเป็นส่วนปีกเครื่องบิน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย เผยว่าเงาดำที่พบในน้ำอาจจะไม่ใช่เครื่องบินแอร์เอเชีย และอาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นซากเรือรบหลายลำของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ถูกกองทัพญี่ปุ่นจมลงในบริเวณนั้น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต พบเพิ่มอีก 7 ศพ ในจำนวนนี้ 6 ศพ พบโดยเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐ บนเรือรบ USS Sampson ซึ่งลำเลียงศพมายังเมืองปังกาลันบุน บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่เครื่องบินตกมากที่สุด ก่อนที่จะลำเลียงขึ้นรถพยาบาลเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลต่อไป - สำนักข่าวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น