วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รีบซื้อดีไหม? รถยนต์ปี59แพงขึ้น-บ้านกู้ง่าย แต่ภาษีใหม่กำลังจะมา?

ในช่วงนี้เราจะได้ยินกระแสข่าวเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ ทั้งภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ซึ่งจะมีการเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 รวมถึง ที่กำลังอยู่ในกระบวนการนั่นคือ ร่าง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฉบับใหม่ ที่จะมาแทนฉบับเก่าที่มีความล้าหลังมากเพราะมีประกาศใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 ซึ่งเก่าของตัวกฎหมายทำให้ปัจจุบันมีช่องโหว่ทำให้รัฐขาดแคลนรายได้จากการจัดเก็บภาษี รวมถึงกฎหมายบางตัวยังมีความซับซ้อนกันด้วย
เริ่มจากการปรับการเก็บภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ ที่แน่นอนแล้วว่าจะเริ่มใช้กันจริงๆ โดยกระทรวงการคลังเผยว่า การจัดเก็บภาษีรถยนตร์ฉบับใหม่จะเป็นการเก็บตาม การปล่อยมลภาวะ ซึ่งใช้เกณฑ์จาก การใช้เชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถรุ่นนั้นๆ ซึ่งรถอีโค่คาร์หรือประหยัดพลังงานจะไม่กระทบกับการปรับครั้งนี้ แต่ที่กระทบแน่ๆคือราคารถในปี 2559 จะมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน โดย โครงสร้างภาษีใหม่มีดังนี้
ภาษีรถ-491x300
ปรับการเก็บภาษีสรรพสามิตรรถยนต์
รถยนต์ขนาด 1,200 ซีซี เสียภาษีลดลงเหลือร้อยละ 14 จากเดิมร้อยละ 17 ทำให้ราคารถยนต์ลดลง 50,000 บาท
– รถยนต์ขนาด 1,500 ซีซี ปัจจุบันเสียภาษีร้อยละ 25 ปรับใหม่พิ่มเป็นร้อยละ 35 ทำให้ราคารถเพิ่มขึ้นประมาณ 85,000 บาท
– รถยนต์ขนาด 1,800 ซีซี ปัจจุบันเสียภาษีร้อยละ 25 ปรับใหม่เพิ่มเป็นร้อยละ 35 ทำให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้น 95,000 บาท
– รถยนต์ขนาด 2,000 ซีซี อัตราภาษีปัจจุบันร้อยละ 25 เพิ่มเป็นร้อยละ 35 หรือราคารถยนต์เพิ่มขึ้น 110,000 บาท
– รถยนต์ขนาด 2,000 ซีซี ขึ้นไป เดิมภาษีร้อยละ 30 เพิ่มเป็น 40 จึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้น 160,000 บาท ขึ้นไป
โดยการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้จะทำให้จากเดิมที่รัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ปัจจุบัน85,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 95,000 ล้านบาท หรือกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งใครกำลังมีแผนจะซื้อรถยนต์ใหม่ก็ควรรีบเร่งซื้อภายในปีนี้ หรือไม่ก็ลองมองรถยนต์อีโค่คาร์ดูเพราะว่านอกจากจะประหยัดแล้วยังกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงด้วย
cats
ส่วนอีกพรบ.ที่จะมีการปรับใหม่แน่นอนเพราะรัฐบาลกำลังเดินหน้าอยู่แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปเพราะมีหลายเสียงคัดค้านเหลือเกินนั่นคือ  ร่าง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฉบับใหม่ เพื่อหวังลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พูดง่ายๆคือ เก็บภาษีจากบ้านและที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ไม่ใช่ว่าคนรวยจะเสียเปรียบอย่างเดียวเพราะทุกคนที่มีอสังหาริมทรัพย์บ้านและที่ดิน ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็ต้องจ่ายทุกคนตามสัดส่วนที่รัฐบาลกำหนดแต่เกณฑ์ยังไม่แน่นิ่งเท่านั้นเอง
โดยเชื่อว่าหากประกาศใช้จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีละ 80,000-100,000 ล้านบาทซึ่งหลังจากที่เราเคยอัพเดทไปในหลายเดือนที่ผ่านมาแล้วนั้นก็ยังพบว่าความคืบหน้าของร่างพรบ.ดังกล่าวยังไปไม่ถึงไหน เรียกได้ว่าเป็นการวัดใจของรัฐบาลชุดนี้เลยก็ได้ว่าจะกล้าทำหรือเปล่า ? เพราะในแง่สร้างรายได้เพิ่มให้กับรัฐบาลถือว่าเยอะมากขึ้นแต่อีกฝั่งหนึ่งคือกระทบต่อประชาชนมากเช่นเดียวกัน
เพิ่มวงเงินสำหรับกู้ซื้อบ้าน
เพิ่มวงเงินสำหรับกู้ซื้อบ้าน
ระหว่างที่กำลังมีข้อถกเถียงอยู่นี้ไม่ใช่ว่าเรื่องจะเงียบไปเฉยๆ เพราะข่าวดีใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องบ้านก็คือ ครม.มีมติให้สามารถผู้ที่กู้แบงค์พาณิชย์ไม่ผ่าน สามารถไปกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น แถมดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิมด้วย ซึ่งล่าสุดธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ประกาศเรตของการกู้เงินของผู้มีรายได้ปานกลางออกมาแล้ว ดังนี้
  • รายได้สุทธิ 10,000 บาทจะกู้ได้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้เพียง 600,000 บาท
  • รายได้สุทธิ 20,000 บาทกู้ได้สูงสุดถึง 2 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
  • รายได้สุทธิไม่เกิน 30,000 บาทกู้ได้สูงสุดถึง 3 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้ไม่เกิน 8 ล้านบาท
สามารถผ่อนได้สูงสุด30ปี ซึ่งธนาคารได้เตรียมวงเงินไว้หนึ่งหมื่นล้านบาท ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้บ้านจะกู้ง่ายขึ้นแต่ อย่าลืมที่เราได้บอกไปตอนแรกว่ากำลังจะมีภาษีที่ดิน ฉบับใหม่มา เพราะฉะนั้นจะซื้อบ้านก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกันว่าหากซื้อไปแล้วจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ? ยิ่งในยุคเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ใช้จ่ายอะไรก็ต้องระมัดระวังกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะหนี้ก้อนโตทั้งบ้านและรถยนต์ ระวังผ่อนไม่ไหว จะโดนยึดไปเปล่าๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น